Long Lasting Perfume
07
“ทำยังไงให้น้ำหอมติดทน?”
19 Dec. 2017
มักจะเป็นหัวข้อสนทนาหลักๆ ที่ถูกเอ่ยถึงทุกครั้งเวลาคุยกันเรื่องน้ำหอม การติดทนของน้ำหอมนั้นจริงๆ ขึ้นอยู่กับสองปัจจัยหลักๆ หนึ่งคือความเข้มข้นของปริมาณหัวน้ำหอมและสองคือสูตรของหัวน้ำหอมนั้นๆ ครับ
ก็อย่างที่เข้าใจกันว่ายิ่งปริมาณหัวน้ำหอมมากก็ยิ่งติดทนมากจึงมีศัพท์ที่เรียกน้ำหอมตามความเข้มข้นคือ EDP,EDT,EDC แล้วยังแยกย่อยไปอีกเป็นส่วนเพิ่มเติมในแต่ละระดับ ซึ่งแน่นอนว่า EDP ก็ย่อมติดทนนานที่สุดในขณะเดียวกันก็มีราคาที่สูงกว่ากลิ่นที่หนักกว่าเป็นเงาตามตัวมาด้วยครับ
ในส่วนที่สองที่ทำให้น้ำหอมติดทนคือโครงสร้างของสูตร ในส่วนนี้เราผู้ใช้อาจจะไม่มีส่วนที่จะได้รับรู้มาก เพราะเป็นเรื่องของฝั่งผู้ผลิตแล้ว แต่เชื่อว่าหลายๆ คนคงเคยได้ยินชื่อของวัตถุดิบอย่างหนึ่งที่มักถูกพูดถึงคือ Musk
Musk Deer of Tibet
Musk แรกเริ่มเดิมทีแล้วเป็นสารคัดหลั่งที่หาได้จากกวางมักส์เพศผู้ เป็นต่อมที่อยู่บริเวณอัณฑะ เชื่อว่ามีอำนาจในการดึงดูดเพศตรงข้าม ในปัจจุบันเราแทบจะไม่ค่อยได้พบเจอ Musk จากสิ่งมีชีวิตแล้วเนื่องด้วยกฎหมายคุ้มครองสัตว์และการรณรงค์ต่างๆ มากมาย แต่ข้อสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือราคาแพงไม่เหมาะอย่างยิ่งในการนำมาเป็นวัตถุดิบทางการค้าครับ
ข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งในการใช้ Musk ในน้ำหอมทำให้ติดทน อันนี้ก็จริงครับ แต่ในทางกลับกันถ้าเราใส่เกินพอดีน้ำหอมก็จะมีกลิ่นที่แบนขาดมิติ สาเหตุที่ Musk ทำให้กลิ่นติดทนได้นั้นเนื่องมาจาก Musk เป็นสารให้กลิ่นจัดอยู่ในหมวดของ Fixative
Fixative นั้นคือหมวดของสารที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่ระเหยตัวได้ยากและมีแรงยึดเหนี่ยวพันธะสูง ในการเติมสารประเภทนี้จึงเหมือนการไปเพิ่มพันธะยึดเหนี่ยวให้กับโครงสร้างสูตรจึงทำให้มีการติดตรึงของกลิ่นนานขึ้น สิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้อีกอย่างหนึ่งคือสารประเภท Fixative นั้นมีมากมายไม่ได้จำกัดแค่ Musk ครับ แต่ก่อนจะชวนปวดหัวไปมากกว่านี้ผมจะขอบอกเล่าแค่ Musk อย่างเดียวก่อนละกันครับ
Wild Angelica illustration
ปัจจุบันในวงการน้ำหอมหันมาใช้ Musk สังเคราะห์กันซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็มีบางชนิดที่มาจากแหล่งธรรมชาติแต่ไม่ได้เกิดจากการฆ่าสัตว์เหมือนสมัยก่อนอย่างเช่น Ambrette seed oil ซึ่งเมื่อสกัดออกมาจะได้สารที่ให้กลิ่นแนว Musky อย่าง Ambrettolide หรือ Angelica root oil ที่เมื่อสกัดออกมาแล้วจะได้ Exaltolide แต่ Exatolide สามารถสังเคราะห์ขึ้นมาได้แล้วจึงทำให้มีราคาถูกลงกว่าแต่ก่อนมากครับ
เวลาเราใช้ Musk ส่วนใหญ่ก็จะใช้รวมๆ กันหลายๆ ตัวเพื่อให้ได้กลิ่นตามต้องการ ซึ่ง Musk บางตัวก็ติดทนแต่ในขณะเดียวกัน Musk บางตัวก็ติดไม่ทนแต่ให้กลิ่นในโทน Musk ก็มีครับ มาดูกันครับว่า Musk ที่นิยมใช้กันส่วนใหญ่มีอะไรบ้าง?
- Ambrettolide – สำหรับสารสังเคราะห์ตัวนี้มีความคล้ายคลึงกับ Musk ใน Ambrette seed oil กลิ่นกลมกล่อมมีคุณภาพดี กระจายตัวได้ดี มีกลิ่นผลไม้ผสมหน่อยๆ ครับ
- Cashmeran – Musk ตัวนี้เป็นสารที่อยู่ในรูปของเหลวใช้ง่าย โทนกลิ่นมีความ Spicy เล็กๆ มีความนุ่มและให้ความรู้สึกที่อบอุ่น หลายๆ ครั้งคนมักเข้าใจผิดว่า Cashmeran นั้นไม่ใช่ Musk ครับ
- Celestolide – เป็นสารชนิดผลึกที่ละลายค่อนข้างยากในแอลกอฮอลล์ ถ้าไม่กรองให้ดีก่อนใช้อาจสังเกตเห็นตะกอนก้นขวดได้ แต่ในขณะเดียวกัน Celestolide ก็ยังมีโทนที่เพิ่มความสว่างให้กลิ่นพร้อมกับช่วยให้กลิ่นกระจายดีมากๆ ครับ
- Ethylene brassylate – สามารถใช้ได้ง่ายและราคาถูกจึงค่อนข้างเป็นที่นิยม มีคุณสมบัติในการตรึงกลิ่นที่ดีและมีกลิ่นหวานๆ ที่ติดสมุนไพรหน่อยๆ อีกด้วยครับ
- Exaltolide – Sweet-musk aroma เป็น Musk ที่ใช้ได้ดีกับกลิ่นโทนหวานๆ ตัว Exaltolide นั้นถือเป็น Musk ที่ดีตัวหนึ่งซึ่งไม่ค่อยส่งกลิ่นรบกวนกลิ่นอื่นแต่จะทำหน้าที่สนับสนุนได้อย่างดีเยี่ยมครับ
- Galaxolide – เป็น Musk อีกตัวที่นิยมใช้กันมาก เพราะมีกลิ่นอุ่นๆ ให้ความรู้สึกเป็น Musk จริงๆ มีความติดทนระดับหนึ่ง ราคาไม่แพงใช้ง่าย แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นอีกตัวที่คนวิพากษ์วิจารณ์กันหนาหูและก่อนจะใช้ควรตรวจสอบเนื่องจากบางประเทศจำกัดปริมาณการใช้สำหรับ Musk ตัวนี้ สาเหตุเนื่องจาก Galaxolide เป็นสารที่สูญสลายตามธรรมชาติได้ยากมีการตกค้างที่สูง มีหลายๆ ผลงานวิจัยแจ้งว่าสามารถสะสมอยู่ในร่างกายมนุษย์ได้จนสิ้นอายุขัย แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่มีการฟันธงอย่างแน่ชัดแน่นอนว่ามีผลกระทบต่อสุขภาพอะไรไหม? จึงถือว่าเป็นสารเฝ้าระวังกันอยู่ครับผม
- Habanolide – Musk ตัวนี้มีกลิ่นที่แรง ให้อารมณ์แวววาวและสดชื่นครับ
- Tonalid – เป็น Musk อีกตัวที่อยู่ในรูปผลึกแต่สามารถละลายได้ง่าย ให้กลิ่นที่รู้สึกสะอาด เป็น Fixative ที่ดีและราคาถูก มีชื่อเรียกกันติดตลกๆ ว่า “laundry musk”
- Velvione – เหมือนจะเป็นคู่แฝดของ Ambrettolide เพราะมีกลิ่นที่คล้ายกันแต่ Velvione มีกลิ่นผลไม้น้อยกว่าและอ่อนโยนกว่า Musk ตัวนี้ยังช่วยในการกระจายของกลิ่นได้ดีและนิยมใช้ในโทนกลิ่นประเภท Powdery ครับ
ยังมี Musk อีกหลายชนิดที่ยังไม่ได้กล่าวถึง ในแต่ละประเทศก็มีการห้ามปรามสารแต่ละชนิดไม่เหมือนกัน ดังนั้นก่อนจะจัดจำหน่ายไปที่ใดอาจจะต้องทำการบ้านเช็คข้อกำหนดของแต่ละพื้นที่ให้ดีก่อนนะครับ เทคนิคเล็กน้อยในการผสม Musk คือส่วนใหญ่นิยมใช้ Ambrettolide หรือ Velvione จำนวนเล็กน้อยควบคู่กับ Musks ตัวอื่นที่ราคาไม่แพงก็จะได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจครับ
การใส่ Musk ในน้ำหอมเพื่อหวังติดทนข้อพึงระวังคืออย่าใส่เยอะ ซึ่งโดยมากการใส่ Musk ที่ถูกต้องคือการใส่ด้วยการคำนวณสูตรมาแล้วอย่างดี การนำหัวน้ำหอมสำเร็จมาใส่ Musk ทีหลังมักให้ความรู้สึกที่แย่มากกว่าความรู้สึกที่ดี กลิ่นจะกลายเป็นน้ำหอมราคาถูกทันทีและเมื่อรวมกับเหงื่อในร่างกายมักส่งกลิ่นตุๆ ถ้าเป็นไปได้การเพิ่มความเข้มข้นหัวน้ำหอมในสูตรอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าแต่ก็อาจจะกระทบต่อต้นทุนที่สูงขึ้นครับ