โรคนอนไม่หลับ…..ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่าแต่ในปัจจุบันคนรอบตัวผมเป็นโรคนี้กันเยอะมากซึ่งแน่นอนว่าผมเองก็ไม่เว้น
จากการที่หลายอาทิตย์ก่อนเห็นน้องคนนึงเดินมาขอลางานเพื่อพักผ่อนด้วยท่าทางเบลอๆ ลอยๆ ไม่สู้ดีนักสอบถามได้ความว่าน้องเขานอนไม่หลับมาสองวันแล้ว ไปหาหมอกินยาก็แล้วแต่อาการก็ไม่ได้ดีขึ้นมากแต่อย่างใด ประกอบกับตั้งแต่ทำเพจมาก็มีสอบถามหลังไมค์มาเรื่อยๆ ซึ่งปัญหานอนไม่หลับถือเป็นเรื่องที่ผมได้รับคำถามมาไม่น้อยไปกว่าเรื่องน้ำหอมเลยครับ
โดยส่วนตัวแล้วไม่ได้เป็นแพทย์เชี่ยวชาญทางด้านนี้ แต่จะมาเล่าในฐานะคนเคยประสบปัญหามาก่อนและแก้ความเข้าใจผิดหลายๆ อย่างเกี่ยวกับอโรมาเธอราพีกับโรคนอนไม่หลับครับ
เรามาดูกันก่อนว่าโรคนอนไม่หลับหรือชื่อภาษาอังกฤษว่า Insomnia เนี่ยมันคืออะไร???
สาเหตุถ้าจะวินิจฉัยกันจริงๆ มีนับร้อยแปดพันประการ แต่ผมอยากจะให้นิยามสั้นๆ ไว้ว่ามันเป็นภาวะที่ร่างกายกับจิตใจเราขาดสมดุลบางอย่างครับ บางครั้งอาจจะเป็นภาวะที่มีสารกระตุ้นบางอย่างในร่างกายมากเกินไป หรือบางครั้งก็เป็นภาวะที่ฮอร์โมนบางชนิดบกพร่องเนื่องจากความเครียด วิตกกังวล
เรามักจะไม่รู้ตัวถึงภาวะเหล่านี้กระทั่งเริ่มนอนไม่หลับไปสักพักแล้วถึงจะสังเกตว่าตัวเองนอนยาก อาจจะต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่ายุคสมัยปัจจุบันมี Event มากมายทำให้เราตื่นตัวอยู่เสมอ หรือบาง Event ก็ทำให้เราต้องเร่งรัดตัวเองมากเกินไปจนชิน
แต่ไม่ว่าสาเหตุจะมาจากอะไรทุกประเด็นก็จะนำพาเรามาสู่ภาวะขาดสมดุล ซึ่งถึงตรงนี้ทุกคนก็จะพยายามหาตัวช่วยและหนึ่งในนั้นคือกลิ่นหอม…..
หลายๆ คนมุ่งประเด็นว่ากลิ่นบางอย่างจะทำให้เราหลับได้ ซึ่งจริงๆ แล้วมันก็ถูกครึ่งไม่ถูกครึ่ง อาจจะเป็นเพราะว่ามโนภาพที่เรานึกกันนั้นเข้าใจว่ากลิ่นหอมของสารบางอย่างเหมือนยาสลบที่ใช้ในห้องผ่าตัด…..ซึ่งมันไม่ใช่เลยนะครับ อโรมาเธอราพีนั้นมี effect ต่อร่างกายก็จริงแต่ก็ไม่ได้รุนแรงปุบปับถึงขนาดนั้น
การที่เราดมอะไรแล้วรู้สึกขึ้นมาได้นั้นก็มีเหตุประกอบหลายๆ อย่าง ในที่นี้อโรมาเธอราพีจะเป็นการทำให้เรารู้สึกสงบเสียมากกว่า แต่ก็เหมือนกระแสน้ำสายเดียว หากภาวะแวดล้อมไม่ได้อำนวยมากฤทธิ์ของอโรมาเธอราพีก็อาจไม่ส่งผลได้ขนาดนั้นครับ เราจึงมักจะเห็นตามสปาตกแต่งสถานที่เปิดเพลงบรรเลงเบาๆ ร่วมในการให้บริการด้วย
อีกหนึ่งเรื่องที่ไม่แนะนำก็คือการนำเครื่องหอมของหอมไปไว้ใกล้ที่นอนเพื่อหวังจะให้ได้กลิ่นตลอดเวลา อยากจะให้เข้าใจว่าอะไรที่มันมากเกินไปย่อมให้ผลร้ายมากกว่าผลดีนะครับ ประสาทรับกลิ่นเรานั้นก็เหมือนร่างกายทุกส่วน เขาก็ควรที่จะมีเวลาพักผ่อนของเขาบ้างเช่นกันครับ
สารให้กลิ่นที่ทำให้เราสงบจิตสงบใจหรือเคลิ้มได้นั้นควรจะเป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่เราเรียกว่า Essential oil ซึ่งจะให้ฤทธิ์เปรียบก็เหมือนสมุนไพรนั่นแหละครับก็ต้องมาจากธรรมชาติ ที่นิยมๆ กันก็มี Lavender, Carmomile ตระกูลดอกสีขาวต่างๆ เช่นดอกมะลิ, ซ่อนกลิ่น แต่ก็ไม่ใช่ทุกตัวนะครับ บางตัวก็กลิ่นหนักไป
ในการใช้เพื่อปรับสมดุลร่างกายและจิตใจก็จะมีทั้งดม หรือบริโภคซึ่งการบริโภคก็จะให้ฤทธิ์ที่ชัดเจนกว่า เช่นการชงเป็นชาดอกไม้ หรือบางครั้งก็ใช้ร่วมกันทั้งดมและบริโภคครับ
ปัจจุบันวิทยาการก็ก้าวหน้าขึ้นไปมาก ในบรรดาอาหารเสริมทั้งหลายก็มีการสกัดสารเซโรโทนินเข้มข้นอัดเม็ดออกมาจัดจำหน่าย ซึ่งอาหารเสริมประเภทนี้ก็ทำหน้าที่เป็นตัวช่วยกระตุ้นการนอนหลับได้เป็นอย่างดีและค่อนข้างตรงจุด เพราะเซโรโทนินเป็นสารสื่อประสาทที่ส่งผลต่ออารมณ์โดยตรงของมนุษย์ครับ การที่มีระดับเซโรโทนินที่สมดุลก็จะทำให้เรารู้สึกสงบ กระบวนการเผาผลาญทำงานได้ดี และแน่นอนว่ายังส่งผลถึงการนอนหลับด้วยครับ
แต่อยากจะให้รู้ไว้ว่าจริงๆ แล้วเซโรโทนินนั้นผลิตได้เองในร่างกายมนุษย์ครับ โดย 80 กว่าเปอร์เซ็นต์ผลิตในเซลล์ทางเดินอาหารและที่เหลืออีกเล็กน้อยผลิตในระบบประสาทส่วนกลาง ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วการทานเซโรโทนินสกัดนั้นไม่ใช่กระบวนการโดยตรงครับเพราะเซโรโทนินไม่สามารถข้ามผ่านตัวกรองกั้นระหว่างเลือดและสมองและถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ได้ แต่จริงๆ แล้วอาหารเสริมเหล่านั้นคือการเพิ่มสารที่เป็นตัวกระตุ้นให้ร่างกายเราสร้างเซโรโทนินขึ้นมาตามธรรมชาติมากกว่า
พอจะมองเห็นประเด็นอะไรรึเปล่าครับ???
หมายความว่าถ้าร่างกายเราขาดสมดุล ระบบเผาผลาญพัง ระบบย่อยอาหารแย่ ไม่ว่าเราจะทานอะไรเสริมหรือใช้ตัวช่วยอะไรการผลิตเซโรโทนินก็จะไม่ได้ดีขึ้นมาเท่าที่ควร อีกประเด็นหนึ่งที่ผมอยากจะชี้ชัดไว้ว่าการพึ่งพาตัวช่วยตลอดโดยที่ไม่แก้ที่ต้นเหตุนั้นจะทำให้เราเสพติดครับ ร่างกายจะจำว่าไม่จำเป็นต้องผลิตอะไรออกมาแล้วเพราะรับมาได้จากข้างนอก เมื่อใดที่เป็นเช่นนั้นสุขภาพเราจะวิบัติและเราก็จะต้องเสียเงินเป็นจำนวนมากเพื่อซื้อของมาบำรุงตัวเองไปเรื่อยๆ ครับ
อยากให้ย้อนกลับมาดูต้นเหตุจริงๆ เลยว่าการที่เรานอนไม่หลับนั้นจริงๆ มาจากอะไร ความเครียดในเรื่องใด? เรื้อรังไหม? เชื่อว่าทุกปัญหามีทางแก้ครับอยู่ที่เราจะกล้าหรือเปล่า คนเราในปัจจุบันชอบเก็บอะไรๆ มาสุมไว้ในอกซึ่งมันไม่ดีเลยครับ อะไรที่พอจะระบายออกไปได้ก็ทำเถอะครับเพราะคนเราทุกคนไม่ใช่ถังขยะ
พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่แปลกประหลาด???
ฉุกคิดสักห้านาทีว่าเรามีพฤติกรรมอะไรที่สุ่มเสี่ยงหรือไม่ การกินเครื่องดื่มชูกำลังเกินขนาด การนอนดึกเป็นประจำ การไม่เคยใช้ชีวิตกลางแจ้ง ไม่โดนแสงแดดเลยจนร่างกายไม่เกิดการสังเคราะห์วิตามินดี หรือลักษณะอื่นๆ ที่ไม่น่าใช่กิจกรรมของการใช้ชีวิตที่ดี
เราอาจจะมองว่าไม่เป็นไรเราทนได้ แต่อย่าลืมนะครับร่างกายไม่ใช่ของคุณ เรายืมเขามา เขาพุพังตามการใช้งานเพียงแต่พูดออกมาไม่ได้ หัดเงียบๆ และฟังเสียงร่างกายตัวเองบ้างครับก่อนที่อะไรๆ มันจะแย่เกินเยียวยา
โดยส่วนตัวผมไม่ค่อยแนะนำให้ใช้อาหารเสริมหรืออโรมาเธอราพีในการรักษาโรคใดๆ ครับ แต่สำหรับโรคนอนไม่หลับถ้าจะหาตัวกระตุ้นดีๆ ใกล้ตัวเรามีเยอะแยะครับดีกว่าของต่างชาติหลายขุม อย่างเช่น ข้าวเหนียว, น้ำผึ้ง(แท้), ใบขี้เหล็ก และเด็ดสุดคือ น้ำปู(อาหารเหนือ) เหล่านี้คือตัวกระตุ้นตามธรรมชาติชั้นดีที่การันตีความง่วงเหงาหาวนอนเลยล่ะครับ
แต่ถ้าเป็นวิธีการที่ผมใช้ประจำจนหลุดภาวะทุกข์ทรมานนี้มาได้ ผมใช้วิธีนั่งสมาธิทุกวันครับ เราแก้กันที่ต้นเหตุเลยคือจิตใจ การนั่งสมาธิช่วยได้มากครับ เมื่อจิตใจเราสงบร่างกายมีภาระน้อยลง ร่างกายก็จะปรับสมดุลในตัวมันเอง แรกๆ มันก็ไม่ง่ายนักเพราะการทำสมาธินั้นก็ไม่ใช่แค่การนั่งหลับตาเฉยๆ อันนี้ถ้าใครมีเวลาก็น่าลองศึกษาดูนะครับประโยชน์มากหลายจริงๆ ครับ
สรุปว่ากลิ่นหอมนั้นเป็นเพียงตัวช่วยนะครับ ไม่ว่าจะโรคใดการรักษาที่ต้นเหตุดีที่สุดครับแต่ก็ไม่ผิดนะครับถ้าใครจะชอบกลิ่นหอมๆ ในการปลอบประโลมใจเพราะสุดท้ายแล้วหน้าที่ของกลิ่นหอมก็คือการทำให้เราระลึกถึงและรู้สึกมีความสุขครับ มีอะไรตกหล่นเพิ่มเติมก็สามารถแนะนำได้ครับ หวังว่าบทความจะเป็นประโยชน์ต่อทุกท่านนะครับ…..ขอบคุณครับ
#โรคนอนไม่หลับ #อโรมาเธอราพี #Insomnia