เล่าความฝันผ่านกลิ่นขนม
15
“ถ้าจะเลือกทำอะไรก็อยากจะทำในสิ่งที่ตัวเองรัก”
27 Jan. 2018
HIGHLIGHTS:
– Café de Parfum ปัจจุบันมีน้ำหอม 6 กลิ่น และมีแนวทางหลักคือกลิ่นขนม
– เป็นการก่อตั้งขึ้นระหว่างคุณท๊อปและเพื่อนสนิทที่เป็น Perfumer ร่ำเรียนอยู่ที่ฝรั่งเศส
– ในอนาคตต้องการพัฒนาแบรนด์ให้เป็นร้านคาเฟ่พร้อมกับขายน้ำหอมไปด้วยในตัว
___________________________________________________________________________________________
ถ้าย้อนไปเมื่อสมัยหลายสิบปีที่ผ่านมาน้ำหอมนั้นไม่ได้มีแนวทางที่หลากหลายเหมือนในยุคปัจจุบัน ในขนบธรรมเนียมเก่าๆ ยังถือว่ากลิ่นหอมนั้นต้องมาจากดอกไม้แต่เมื่อวิวัฒนาการทางกลิ่นได้พัฒนามาถึงการนำกลิ่นอาหารเข้ามาผนวกกับน้ำหอมแนวทางกลิ่นนี้จึงกลายเป็นข้อถกเถียงกันในเวลาต่อมา
แม้ว่าจะมีบางกลุ่มที่ไม่ยอมรับกลิ่นของอาหารในน้ำหอมแต่ท้ายที่สุดน้ำหอมกลิ่นขนมหวานก็กลายเป็นที่นิยมจนเกิดเป็นกระแส ส่วนแบรนด์ที่จับแนวทางกลิ่นขนมเป็นยุคแรกๆ และมีชื่อเสียงก็คือ Thierry Mugler
สำหรับประเทศไทยก็เป็นที่น่าภูมิใจว่าเราเองก็มีแบรนด์น้ำหอมที่ใช้แนวคิดของกลิ่นขนมหวานเกิดขึ้นมาแล้ว แม้จะเป็นเวลาเพียงไม่นานแต่ก็ได้การตอบรับที่ดีเยี่ยม วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับแบรนด์ Café de Parfum กันครับ
น้ำหอมสัญชาติไทยกับแนวทางขนมหวาน
ผมชื่อท็อปนะครับเป็นผู้ก่อตั้งแบรนด์ Café de Parfum อยู่วงการน้ำหอมมาซักพักนึงจนอยากจะเริ่มทำแบรนด์ของตัวเอง Inspiration ของแบรนด์ก็คือขนมหวานตามชื่อเลย เพราะไม่ว่าประเทศไหนในโลก เวลาทานอาหารเสร็จ ก็มักจะตบท้ายด้วยของหวาน เพื่อให้ความรู้สึก อิ่มเอม มีความสุข เราได้จับเอาความรู้สึกของความสุข ณ moment นั้นมาเป็นแนวทางของแบรนด์ อีกทั้ง Café ก็เป็นสถานที่ที่คนมานั่งพักผ่อนได้ก็จะมี essence ในส่วนของตรงนั้นในกลิ่นต่างๆ ของทางแบรนด์ด้วยครับ
___________________________________________________________________________________________
กล้าที่จะทำในสิ่งที่รัก
เราจบบริหารธุรกิจจากจุฬา แล้วได้มีโอกาสไปต่อโทที่ประเทศอังกฤษ มหาวิทยาลัย Imperial College London พอกลับมาก็ทำงานเป็นนักวิจัยข้อมูลที่บริษัท The Nielsen Company แล้วไปต่อยอดเป็น Shopper Marketing ที่บริษัท Unilever Thai Trading
ในส่วนของความสนใจนี่คือตัวเราเองชอบน้ำหอมตั้งแต่เด็ก น้ำหอมขวดแรกคือ Calvin Klein Obsession เริ่มใช้ตั้งแต่ ป.4 แล้วก็ค่อยๆ สะสมมาเรื่อยๆ จนเต็มบ้านไปหมด พอมาถึงจุดนึงที่เรารู้สึกว่าเราอยากมีอะไรเป็นของเราเอง และถ้าจะเลือกทำอะไรก็อยากจะทำในสิ่งที่ตัวเองรัก เลยได้ทำแบรนด์ Café de Parfum ขึ้นมานี่แหละครับ
_______________________________________________________________________________________________
ความท้าทายสำหรับวงการน้ำหอมคืออะไร?
ความท้าทายส่วนนึงเลยคือเราไม่ได้มีหน้าร้านครับ แล้วน้ำหอมเป็นสิ่งที่ทุกคนอยากได้ลองดมก่อนซื้อจริงๆ นี่ก็เป็นอุปสรรคอยู่เหมือนกัน สำหรับตอนนี้เลยมีกิจกรรมแจกตัวทดลองเรื่อยๆ และเมื่อออกครบจะมี discovery set ครบทุกกลิ่นจำหน่ายด้วย เพื่อช่วยให้ทุกท่านได้ตัดสินใจง่ายขึ้น และในอนาคตก็อยากจะเปิดร้านเป็นของเราเอง จริงๆคืออยากให้เป็นร้านคาเฟ่ด้วย แล้วก็มี zone ขาย product เราด้วย คนจะได้มาลิ้มรสขนมที่เราเลือกสรรมาและทดลองกลิ่นน้ำหอมด้วยครับ
___________________________________________________________________________________________
จุดไหนบ้างที่คิดว่ายากในการทำน้ำหอม?
Packaging และ Product design นี่ละครับที่ใช้เวลานานมาก รวมๆ ก็ประมาณปีนึงเลยที่เลือกกลิ่น คอนเซ็ปต์ Packaging ต่างๆ ทำควบคู่กันมาเรื่อยๆ น่ะครับ ตอนนี้อาจจะยังไม่เสร็จสมบูรณ์ดีแต่ก็จะค่อยๆ พัฒนาไปน่ะครับ เพราะเราก็เริ่มมาจากเล็กๆ ถ้าใครมีความคิดเห็นอะไรก็ค่อนข้างเปิดรับหมดครับปรับเปลี่ยนไปมาหลายครั้งมากๆ จนเกรงใจ Graphic designer เค้า ในส่วนของกลิ่นก็แล้วแต่ตัวไป บางตัวครั้งถึงสองครั้งก็เสร็จ บางตัวนี้แก้ปรับกันเป็นสิบครั้งกว่าจะได้ที่ถูกใจที่สุด
___________________________________________________________________________________________
พลังใจอะไรที่ใช้ขับเคลื่อนแบรนด์?
ก็มีทั้งครอบครัวและคนรอบข้างนะครับ ทุกคนต่างก็เป็นส่วนช่วยให้มีวันนี้ได้ และที่สำคัญมากคือ Perfumer ของแบรนด์ที่เป็นทั้งเพื่อนสนิทและเพื่อนร่วมงานซึ่งคอยแนะนำสิ่งต่างๆ แม้ว่าจะมากกว่าหน้าที่เขาก็ตามครับ
มันเหมือนกับว่าเราอยากมีอะไรเป็นของตัวเองดูน่ะครับ เป็นความฝันตั้งแต่วัยเด็กแล้วว่าอยากมีธุรกิจส่วนตัว ทีนี้พอให้เลือกเราเลยอยากลองทำน้ำหอมดูเพราะส่วนหนึ่งคือมีเพื่อนเป็น Perfumer และตัวเราเองก็สนใจและชอบน้ำหอมด้วยครับผม
สำหรับน้ำหอมจริงๆ ก็ไม่ได้มีแนวที่ชอบนะครับจะสลับๆกันไป แต่ชอบความหวานๆหน่อยน่ะครับ ถ้าโน้ตก็คือ Vanilla ครับ ก็อาจจะพูดได้ว่าชอบ Gourmand ส่วนตัวที่ชอบนี่จะมีสองตัวที่เป็น signature ของเลยคือ Dior – Gris Montaigne กับ Chanel – Coromandel ส่วนตัวอื่นๆ ก็ใช้สลับๆ ไปบ้างแต่ถ้าเป็นของแบรนด์ตัวเองจะชอบ Grim Fantasia มากที่สุดนะครับ ตามมาด้วย Rustic Dawn
___________________________________________________________________________________________
ทุกกลิ่นของแบรนด์ล้วนมีเรื่องราวซ่อนอยู่
ตอนนี้ก็ launch ออกมา 6 กลิ่น โดยที่กลิ่นแรก Eden เรา inspire มาจาก Fruit Tart ขนมง่ายๆ ที่ผสมผลไม้ให้ความสดใส ฉีดออกมาก็จะมีกลิ่นสัปปะรดนำและเป็นโน้ตเด่นของ Eden โดยที่เราออกแบบให้เหมาะสำหรับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย
กลิ่นที่ 2 คือ Les Fleurs Rouges จะ inspire มาจาก Turkish delight ของทาง ตุรกีที่มีน้ำดอกกุหลาบเป็นหนึ่งในส่วนผสม ทางเราเลยใช้ดอกกุหลาบเป็นโน้ตหลักของกลิ่นนี้ แต่ไม่ใช่กุหลาบแบบแห้งๆ จะมี Raspberry Jam เพื่อให้กลิ่นดูสดใส ฉ่ำๆ ราวกับว่าเดินอยู่ในสวนดอกกุหลาบยามเช้าที่มีหยดน้ำค้าง
ส่วน Rustic Dawn นี่ inspire มาจาก Apple pie อุ่นๆ ร้อนๆ เวลาออกจากเตาก็จะมีกลิ่นแอปเปิ้ลกับซินนามอนที่ใช้หมัก หอมฉุยลอยออกมา
Black Addiction นี่จะมาจาก Brownie มีช็อคโกแลตเด่นแต่ก็มีความเขียวๆ นิดหน่อยจากวัตถุดิบลับเฉพาะของทางแบรนด์
Grim Fantasia นี่ก็ยังเป็นขนมหวานอยู่ซึ่งก็คือเค้ก black forest แต่ก็เริ่มมีแนวทางอื่นมาเกี่ยวข้อง ซึ่งก็คือ นิทานเรื่องเล่า อารมณ์เหมือนกับว่าเวลาเราไปร้านคาเฟ่บางทีเราก็อยากจะหาหนังสืออ่านเงียบๆ สบายๆ สำหรับ Grim Fantasia จะมาจากนิทานก่อนนอนเรื่องหนูน้อยหมวกแดง ซึ่งก็เชื่อว่าทุกคนคงเคยอ่านหรือได้ยินกันมาบ้าง โดยที่เอาแนวทางความลึกลับเหมือนมีอะไรซ่อนอยู่มาเล่น สำหรับโน๊ตตัวนี้จะค่อนข้างดราม่ามากกว่าเพื่อน เปิดด้วย cherry ซึ่งเป็นโน้ตที่ medicinal มาก แต่สักพักความเชอรี่ก็จะหายไปกลายเป็นครีม หวานๆ อ่อนๆ อารมณ์ประมาณ icing sugar
ส่วนตัวสุดท้าย Ashura ก็คงพูดได้ว่าเป็นตัวที่หลายๆ คนสนใจ เพราะมันแปลว่าอสุรกายด้วย แต่แท้จริงแล้ว Ashura เป็นชื่อขนมนะครับ มีอีกชื่อว่า Noah’s Pudding คือมีเรื่องเล่าว่าในศาสนาคริสต์ตอนที่น้ำท่วมโลกและเรือโนอาห์รอดออกมา ขนมชิ้นนี้ถือว่าเป็นขนมชิ้นแรกของโลกใบนี้ เราจึงอยากให้ตัวนี้ออกมาในคอลเลคชั่นนี้ โดยที่โน้ตก็จะเล่นกับพวก ingredient ของขนมเลยคือพวก ถั่ว oatmeal และเมล็ดทับทิม แต่จะมีโน้ตเด่นคือ frankincense
___________________________________________________________________________________________
แผนการในอนาคตสำหรับ Café de Parfum
ในปี 2018 นี้ก็จะโฟกัสการขยายฐานลูกค้าในประเทศไทยน่ะครับ อาจจะเริ่มเจาะต่างประเทศบ้าง ในส่วนของกลิ่นปีนี้ถ้า Launch เพิ่มอาจจะเป็นช่วงปลายปีครับ แต่อาจจะมี Travel Size หรือ Gift Set อะไรมาเรื่อยๆ สร้างสีสันครับ ส่วนปีอื่นๆเราก็อาจจะได้เห็นมากกว่าขนมหวานอาจจะเป็นเครื่องดื่ม ชากาแฟ แต่ในท้ายที่สุดคืออยากมีเป็นร้านคาเฟ่ของตัวเอง
ปัจจุบันในวงการน้ำหอมไทยเราเองมีหลากหลายและเท่าที่เห็นหลายท่านก็มีความสามารถมากครับ ประเทศไทยเราเองก็มีประวัติการใช้น้ำหอมและเครื่องหอมมายาวนาน ก็อยากจะให้ทุกคนเป็นกำลังใจให้น้ำหอมไทยทุกแบรนด์เพื่อสร้างสรรค์ผลงานดีๆ ออกมาให้ชม เพราะจากเท่าที่เคยลองมาหลายแบรนด์นี่คุณภาพไม่มีด้อยกว่าของต่างชาติเลยครับ อยากให้ทุกท่านยกระดับขึ้นสู่เวทีโลกให้ได้น่ะครับ อย่างตอนนี้ก็มี Dusita ที่เขาไปถึงจุดนั้นได้ ผมก็นับถือเขามากเลย มองว่าถ้าซักวันนึงเราได้ถึงระดับเขาคงมีความสุขมากครับ
ขอขอบคุณ
Café de Parfum
www.facebook.com/cafedeparfumth/