กินขนมดมน้ำหอม Mini Exhibition ครั้งที่ 1
19
“พาดูงานแสดงน้ำหอมจัดที่ Artistic Lab ซึ่งคนมาดูก็งงว่าคืองานอะไร?”
01 May 2018
HIGHLIGHTS:
– ไม้กฤษณาไทยหอมที่สุด
– ในตำรับโบราณของน้ำปรุงใช้ใบเนียมหอมและไขชะมดเป็นวัตถุดิบลับ
– ประเทศไทยสกัดน้ำมันหอมระเหยที่น่าสนใจได้หลายชนิดแต่ติดปัญหาเรื่องต้นทุนและเทคโนโลยี
– สบู่อเลปโปกำลังจะมีคนนำเข้ามาขายในไทยแล้ว
– นิทรรศการเกี่ยวกับน้ำหอมในไทยก็จัดได้แต่ยังเป็นในวงแคบๆ
– น้ำหอมที่มีคนสนใจในงานคือ Melisa, Arunee, Lalynn แต่ไม่มีการวางขาย
– ทางกลุ่มกำลังมองหาแนวทางการขยายรูปแบบการจัดงาน
___________________________________________________________________________________________
กินขนมดมน้ำหอมแค่อยากจะบอกว่าเราเองก็งงๆ เหมือนกันเมื่อเริ่มปรึกษาในกลุ่มว่าจะทำอย่างไรให้คนทั่วไปได้รู้จักวงการน้ำหอมและวงการครีเอทีฟแบบแท้จริง งานแสดงเหรอ? งานประกวดเหรอ? แล้วใครจัด? คำถามสาระพัดที่เมื่อได้มีโอกาสคุยกันก็กลายเป็นเพียงโปรเจคละเมอเพ้อพก ดูลมๆ แล้งๆ นานไปคำถามก็มากขึ้นทุกวัน คนจะสนใจเหรอ? คนจะเข้าใจเหรอ? มีเงินพอเหรอ? จะมีคนมาไหม? จะนำเสนออะไร? วงจรความคิดก็วนเวียนเรื่อยมา คำตอบก็คือรอ รอ รอก่อน แต่โดยธรรมชาติศิลปินต่างจากคนธรรมดาตรงที่มักมีความขบถเป็นบรรทัดฐานและแล้วก็เป็นอีกครั้งที่ผมหาเรื่องแหวกขนบธรรมเนียมจึงเป็นเหตุให้ความบันเทิงบังเกิดขึ้น
ผมเริ่มสำรวจมองว่าพอมีอะไรจะทำได้บ้างแล้วปรกติเขาทำกันอย่างไรในต่างประเทศ ก็จะเห็นว่าโดยมากมักเป็นการรวมงานของแบรนด์หรือศิลปินหลายๆ ท่านมาร่วมแสดง บ้างมีของหายาก มีกิจกรรมประหลาดๆ รวมถึงการจัดสถานที่ดิสเพลย์ให้สวยๆ เพื่อให้คนมาถ่ายรูป ความรู้สึกแรกเลยคือรู้สึกว่า ยากจัง แต่ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้เลยลองถามพี่ๆ น้องๆ ว่าใครพอจะมีอะไรมาโชว์ได้บ้าง จะนับว่ามีแต้มบุญอยู่พอสมควรก็ว่าได้ จากที่ลงพื้นที่ไปสำรวจตามที่ต่างๆ หลายๆ ท่านก็ยินดีส่งของให้ผม จะมีค่าใช้จ่ายบ้างก็ไม่เป็นไร จริงๆ แค่เขาให้ความร่วมมือเราก็ดีใจมากแล้วจึงทำให้โจทย์แรกเรื่องของจัดแสดงเคลียร์ไป
___________________________________________________________________________________________
พื้นฐานของคนไทยคือมีน้ำใจ
เราแบ่งงานแสดงเป็นสามส่วน ส่วนแรกคือน้ำหอมทั้งแบบที่เป็นแบรนด์แล้วและยังไม่เป็นแบรนด์ เชื่อว่ายังมีอีกหลายๆ ท่านที่ยังไม่รู้หรอกว่าแบรนด์นี้ก็มีอยู่ด้วยในไทย มันจึงเป็นประโยชน์ต่อเจ้าของแบรนด์ไปในตัวที่จะได้โปรโมทโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย รวมถึงศิลปินอิสระเองก็จะได้ประโยชน์ตรงสร้างตัวตนขึ้นมาให้ชัดเจนยิ่งขึ้นและนำข้อติติงทั้งหลาย(ซึ่งไม่ค่อยมีเท่าไร)ไปปรับปรุงผลงานต่อไป
เราบอกไปแบบไม่ได้คาดหวังเท่าไรแต่ทุกคนต่างก็ยินดี อาจจะมีบ้างที่ลังเลซึ่งก็ไม่เป็นไรเรายังต้องเดินทางกันอีกไกลเอาเท่าที่มีก่อนแค่นี้ก็พอใจ
ส่วนที่สองวางแพลนไว้เป็นการแสดงเกี่ยวกับวัตถุดิบน้ำมันหอมระเหยที่เราสามารถสกัดได้ ผลงานเกิดจากความร่วมมือกับทางมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา น่าน กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนอำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย ซึ่งรวมๆ แล้วก็ได้น้ำมันหอมระเหย 15 ชนิด แต่ตัวที่ค่อนข้างภูมิใจคือ น้ำมันหอมระเหยเม็ดมะไฟจีน, น้ำมันหอมระเหยว่านสาวหลง และน้ำมันหอมระเหยข่า ซึ่งทั้งสามตัวเป็นน้ำมันหอมระเหยที่ไม่มีขายตามท้องตลาดสำหรับวงการน้ำหอมทั่วไป โดยเฉพาะน้ำมันหอมระเหยข่ากับว่านสาวหลงมีคนชื่นชอบอยากขอซื้ออยู่หลายท่าน ซึ่งก็น่าเสียดายที่เราไม่อาจทำออกมาจัดจำหน่ายได้ด้วยปัญหาต้นทุนวัตถุดิบ รวมถึงอุปกรณ์ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเราลองหาทางแก้หลายๆ ทางแต่ก็ยังพบว่าราคาที่เคาะออกมานั้นถือว่าสูงมากเกินจะนำมาแปรรูปขาย รวมถึงยังหาแนวทางเบลนด์กลิ่นที่รุนแรงเหล่านี้ให้เป็นความหอมที่น่าใช้ยังไม่ได้ซึ่งก็ต้องติดตามดูกันต่อไป
___________________________________________________________________________________________
ของหายาก?
พอพูดว่าของหายากคนทั่วไปก็จะนึกถึงอะไรที่ลึกลับซับซ้อน แต่เอาเข้าจริงๆ ถ้าเป็นของที่ไม่ได้เกี่ยวกับตัวเราเองถึงจะหายากแค่ไหนก็ไม่ใช่สิ่งที่น่าสนใจ ก็เป็นเช่นนั้นเรามักจะให้ความสำคัญกับสิ่งใกล้ตัวซึ่งบางครั้งก็ไม่ได้รู้ที่มาที่ไป อย่างน้ำหอมเองนั้นเกิดจากการผสมผสานของหลายสิ่งหลายศาสตร์เข้าด้วยกัน วัตถุดิบบางอย่างอาจจะลึกลับเกินจนเราไม่ได้คิดว่ามันมีอยู่บนโลกนี้ด้วยซ้ำ เมื่อได้มาพบเจอใกล้ๆ อาจจะรู้สึกแปลกใจบ้างแต่คงต้องมีเวลาสักพักในการซึมซับจึงจะเข้าใจว่ามันหายากจริงๆ
ส่วนที่สามเป็นการแสดงของหายาก เราได้รับการอนุเคราะห์เป็นอย่างดีจากนักสะสมหลายๆ ท่าน ในส่วนนี้ค่อนข้างหนักใจนอกจากจะต้องคิดให้ดีว่าเอาอะไรมาแสดงยังต้องรักษาของที่ยืมมาไม่ให้สูญหายบุบสลาย
สิ่งที่ได้มามีน้ำมันกฤษณารวมถึงไม้กฤษณา ฟังดูไม่ได้พิสดารอะไรแต่น้อยคนจะรู้ว่ากฤษณานั้นมีหลายเกรด น่าภูมิใจตรงที่ว่ากฤษณาไทย พันธุ์บ้านนา นั้นเป็นที่เลื่องลือติดอันดับต้นๆ ของโลกซึ่งพันธุ์บ้านนานั้นก็ไม่ได้เป็นกฤษณาที่พบได้ตามท้องตลาดเพราะเป็นไม้ป่าและยังไม่อนุญาติให้นำมาทำเป็นอุตสาหกรรม หากจะจัดลำดับน้ำมันกฤษณาตามความหอมเป็น 5 ลำดับเราจะได้ประมาณว่า อันดับห้าคือ กฤษณาอินเดีย ซึ่งเป็นกฤษณาที่อยู่ในอุตสาหกรรมเยอะที่สุดเนื่องจากรัฐบาลอินเดียให้การสนับสนุน อันดับสี่จะเป็น กฤษณาอินโอนีเซีย อันดับสามคือ กฤษณาลาว อันดับสองคือกฤษณาเขมร และที่หอมที่สุดกลิ่นเหมือนเหล้าชั้นดีมีทั้งความหวาน วาวใส นุ่มลึก คือกฤษณาไทย
ส่วนตัวที่พบเห็นในวงการน้ำหอม ตามแบรนด์ระดับนิชหรือไฮเอนด์เรายังพบว่ามีการใช้กฤษณาถึงแค่ลำดับของประเทศลาว ซึ่งก็แน่นอนว่ากฤษณาเขมรและไทยนั้นมีราคาสูงเกินไปหายากเกินไปแต่ไม่แน่ในอนาคตเราอาจจะได้เห็นกฤษณาไทยผงาดในระดับโลกซึ่งผมคิดว่าไม่น่าใช่เรื่องยากอะไร หรืออาจจะมีการนำมาใช้บ้างแล้วแต่ยังไม่แพร่หลายก็ต้องสนับสนุนกันไป
ในงานแสดงผมได้รับน้ำมันกฤษณามาสามชนิดคือ กฤษณาลาว, กฤษณาเขมร, และกฤษณาไทย คนที่มาชมในงานผมก็อธิบายพอสังเขปจากนั้นก็ให้ลองดมไล่ลำดับเทียบดู เริ่มจากกฤษณาลาวที่ว่ากันว่าใช้ในแบรนด์นิชแพงๆ เมื่อดมตรงๆ สำหรับคนไม่คุ้นก็ร้องหยีไปตามๆ กัน พอได้ดมกฤษณาเขมรก็ใจชื้นขึ้นมาหน่อยแต่ก็ยังคงส่ายหัว ในลำดับสุดท้ายไม่เคยทำให้ผิดหวัง ทุกคนที่ได้ดมกฤษณาไทยต่างยิ้มแย้มและขอดมอีก ผมไม่รู้หรอกนะว่าเขาเข้าใจรึเปล่าแต่ของดีก็คือของดีกลิ่นกฤษณาไทยที่เป็นลำดับหนึ่งในใจผมมัดใจคนดมได้ทุกคนที่สัมผัสเสมอ
___________________________________________________________________________________________
ไขชะมดและวัฒนธรรมไทย
จากการที่ได้ไปร่วมประชุมกับกลุ่มผู้เลี้ยงชะมดทำให้เราพอจะมีเครือข่ายอยู่ในกลุ่มผู้เลี้ยงชะมดเช็ดอยู่บ้าง เราขอซื้อไขชะมดมาในจำนวนหนึ่งซึ่งปรกติจะมีขั้นต่ำในการซื้อแต่ด้วยการเจรจาปนขอร้องจึงสามารถซื้อในปริมาณน้อยเพื่อมาแสดงในงานได้ ไขชะมดนั้นมีราคาแพงและก็หายาก แม้ประเทศไทยจะเป็นถิ่นที่มีชะมดตามธรรมชาติรวมถึงมีกลุ่มผู้เลี้ยงชะมดแต่ไขชะมดที่ได้ออกมาในแต่ละปีนั้นก็มีจำนวนไม่ได้มากมายนัก รวมถึงคุณภาพก็ยังไม่ได้มีการควบคุมเท่าที่ควรจะเป็น ไขที่ได้มาเป็นไขเกรดธรรมดาโดยสังเกตว่าจะมีสีดำปนน้ำตาลซึ่งก็ยังใช้ได้อยู่ เราจัดแสดงเทียบให้เห็นทั้งไขชะมดตามธรรมชาติและสังเคราะห์ ซึ่งแน่นอนว่ามีน้อยคนที่จะขอดมไขชะมดธรรมชาติตรงๆ เพราะแค่เดินผ่านก็อยากเดินหนีแล้ว
ในส่วนนี้จึงจำเป็นต้องทำให้เห็นว่ามันเป็นของมีค่าจริงๆ เราเลยเอาน้ำปรุงแบบดั้งเดิมที่ใช้ไขชะมดและใบเนียมมาให้ดูด้วย ให้ดมดูว่าเมื่อเข้าตำรับแล้วกลิ่นมันจะเลอค่าขนาดไหน ไม่พอยังเอาน้ำปรุงสมัยใหม่มาให้ดมเทียบเพื่อให้เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน
พูดถึงใบเนียมบอกไปร้อยคนจะรู้จักสักห้าคนเห็นจะได้ หน้าตาเขาไม่ต่างอะไรจากใบโหระพาอาจจะดูหนากว่าหน่อยและโดยปรกติไม่ส่งกลิ่นนอกจากจะเผาหรือแช่ในแอลกอฮอล์ ซึ่งในงานผมก็เอาใบเนียมที่ปลูกเองมาลอยแอลกอฮอล์ให้ได้ลองดม คนที่ได้ดมก็ประหลาดใจปนตกใจเล็กน้อยเพราะกลิ่นของเนียมหอมนั้นเหมือนใบเตยหอม บางคนก็หาว่าผมแกล้งเอาน้ำใบเตยมาใส่ ผมจึงให้ดมแบบพิจารณาอีกทีก็จะพบว่ากลิ่นนั้นมีความต่างจากใบเตยตรงความนุ่มลึกกว่ามากจริงๆ
เพื่อความสนุกสนานผมก็ให้คนที่มาได้ลองดมน้ำหอมที่ปรุงโดยใช้ไขชะมดเป็นส่วนผสมด้วย ก่อนจะลองหลายคนก็บอกว่าขอทำใจ โดยผมตั้งใจให้ดม Prince of Vagabond ซึ่งเป็นน้ำหอมโทน Animalic ที่ผมตั้งใจปรุงขึ้นเอง สำหรับตัวนี้ผมจะบอกไว้ก่อนเลยว่าเพราะไขชะมดทำให้กลิ่นดูแพงส่วนจะแพงยังไงนั้นก็ให้ลองดมดูจะได้รู้ถึงคุณค่าของไขชะมด เมื่อดมดูมีหลายท่านแนะนำให้ทำขายแต่ก็นั่นแหละต้นทุนมันก็สูงอยู่อาจจะต้องพิจารณาปรับสูตรอีกสักหน่อย แต่ปัญหาจริงๆ คือเรื่องระบบแบรนด์ผมยังไม่แข็งพอทั้งแพคเกจรวมถึงปัญหาอื่นๆ แต่ก็ต้องแก้กันต่อไป
___________________________________________________________________________________________
Aleppo Soap สบู่ที่แพงที่สุดในโลก
เล่าย้อนไปสักหน่อยถึงช่วงก่อนจัดงานประมาณสามอาทิตย์ อยู่ๆ ก็มีคนติดต่อมาว่ามีสบู่อเลปโปอยากนำเข้ามาขายในไทยขอคำแนะนำหน่อย ประโยคสั้นๆ ที่เราก็ไม่ได้คิดอะไรมาก นึกไปว่าคงเป็นการขอคำปรึกษาเหมือนที่เคยผ่านมาเป็นประจำ แต่พอได้คุยไปคุยมากลายเป็นว่าถูกชะตากันจนกลายเป็นคู่ค้ากันตอนไหนก็ยังงงๆ
พอรู้ตัวอีกทีสบู่ที่ว่าแพงที่สุดในโลกก็ถูกจัดส่งมาที่บ้านเสียแล้วเป็นตัวอย่างถึง 14 ก้อน เอาเข้าจริงก็ไม่ได้อยากปักใจเชื่ออะไรจึงผ่าดูแล้วเอามาใช้ก็พบว่าเป็นอเลปโปจริงๆ สอบถามกลับไปก็พบว่าของจะเข้ามาเดือนสิงหาคมสรุปเป็นเรื่องจริงไม่ได้ฝันไป ในเบื้องต้นก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับสบู่ชุดนี้และอยากให้คนทั่วไปได้รู้จักจึงโทรไปขออนุญาติบริษัทผู้นำเข้าว่าขอเอาไปโชว์ในงานด้วยได้ไหม ทางบริษัทยินดีเป็นอย่างยิ่งจึงทำให้สบู่ที่มาไกลจากประเทศซีเรียได้ถูกนำมาจัดแสดงด้วย
ในวงการนักทำสบู่จะรู้ดีว่าการทำสบู่ที่มีสัดส่วนน้ำมันอ่อนสูงๆ นั้นทำยากมาก โดยเฉพาะอเลปโปที่มีน้ำมันอ่อนถึง 80% ขึ้นไปเป็นอย่างต่ำถือว่ายากถึงยากที่สุด การกวนอเลปโปนั้นต้องใช้อุณหภูมิสูงและกวนต่อเนื่องถึง 3 วันตัวสบู่ถึงจะทำปฏิกิริยาจากนั้นจึงเข้าสู่กระบวนการหมักอย่างต่ำหกเดือนจึงพอจะนำมาใช้งานได้
คำถามที่ทุกคนถามกันในงานส่วนใหญ่จะถามว่า มันดียังไง?
เราจะรู้อยู่แล้วว่าน้ำมันมะกอกนั้นมีสรรพคุณหลายอย่างที่ดีต่อผิวหนัง ทั้ง ทำความสะอาด ลดริ้วรอย บำรุง เพิ่มความชุ่มชื้น กำจัดแบคทีเรีย รักษาสิว ซึ่งด้วยความที่น้ำมันมะกอกมีประโยชน์สูงจึงนิยมใช้กันมาตั้งแต่โบราณ ทีนี้พอมาทำเป็นสบู่ด้วยกระบวนการธรรมชาติเท่ากับว่าเราจะได้สบู่ที่มีคุณสมบัติบำรุงผิวแบบดีมากๆ อยู่ด้วย อเลปโปนั้นมักจะทำกันอยู่สองสูตรคือสูตรที่เป็นน้ำมันมะกอกล้วน และสูตรที่เป็นน้ำมันมะกอกผสมน้ำมันลอเรล โดยน้ำมันลอเรลนี้มีคุณสมบัติที่ดีกว่าน้ำมันมะกอกเพิ่มขึ้นไปอีกจึงทำให้อเลปโปแทบจะเป็นตำนานของสบู่ที่ดีที่สุดเลยทีเดียว
แต่ถึงกระนั้นคนไทยก็ไม่ได้รู้จักแถมยังรู้สึกรังเกียจหน้าตาของมันเสียด้วยซ้ำ มันจึงเหมือนกลายเป็นพูดโม้เกินไปเมื่อเราพยายามอธิบาย สุดท้ายหลังเลิกงานจึงตัดสินใจตัดแบ่งสบู่แจกคนที่อยากได้ให้มากที่สุด หวังว่าการได้ทดลองเองนั้นจะทำให้ผู้คนเข้าใจมากขึ้น ส่วนการจะขายนั้นบอกตรงๆ ว่าเราก็ยังไม่รู้ รู้แค่ว่าถ้าเราอยากจะขายอะไรในนามเราก็อยากเอาของที่ดีที่สุดมาขายให้คนไทยในราคาที่ยุติธรรมที่สุดแค่นั้นจริงๆ
___________________________________________________________________________________________
Artistic Lab
ถ้าไม่มี Artistic Lab เอาจริงๆ เราคงยังหาสถานที่จัดงานไม่ได้แน่ๆ ที่ Artistic Lab นั้นมีการจัดร้านที่ค่อนข้างสวยอยู่แล้วจึงทำให้ปัญหาเรื่องการจัดสถานที่ของเรานั้นหมดภาระไปได้มากโข แถมคุณปิญคุณมิ้งเองก็มีประสบการณ์ตรงทางดีไซเนอร์อยู่แล้วการทำงานด้วยกันจึงลื่นไหลมากๆ เราแทบไม่ได้คุยอะไรกันเลยแต่ก็ทำงานกันลงตัวได้อย่างน่าตกใจ เหมือนว่าคิดอยู่แล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้ซึ่งทำให้ไม่รู้สึกเหนื่อยเลยในการทำงาน
___________________________________________________________________________________________
กิจกรรม Workshop
ในความรู้สึกนั้นมีความกังวลหลายอย่าง แน่นอนเรื่องค่าใช้จ่ายย่อมเป็นปัญหาหลัก ในการจัดงานมีสิ่งที่ต้องซื้อต้องหาจุกจิกนับไปนับมาก็หลายบาทหลายสตังค์อยู่ จะจัด Workshop ก็กลัวจะโดนมองว่าร้อนเงินร้อนทองหรือเปล่า? แต่ถ้าไม่ทำอะไรเลยก็คงจะเจ็บตัวหนักไม่น้อย สุดท้ายจึงต้องตัดสินใจจัดกิจกรรม Workshop ร่วมด้วยซึ่งก็มาทดแทนในส่วนกิจกรรมที่เรายังไม่มีให้คนมางานได้เข้าร่วมไปในตัว
ในการเรียนนั้นพยายามจัดสมดุลให้ดีระหว่างคนเรียนและคนมาเที่ยวชมแต่ก็ต้องยอมรับว่าทำได้ไม่ดีเท่าไร อันที่จริงควรจะจ้างคนดูแลแยกส่วนกันเราคิดว่าเราไหวแต่ก็ไม่ไหว โชคดีที่คนไม่ได้มามากแบบติดๆ กันจึงยังพอแบ่งรับแบ่งสู้ไปได้ ก็เป็นอีกหนึ่งข้อผิดพลาดที่ต้องพิจารณาปรับแก้กันต่อไป
เราพยายามทำให้งานดูสนุกและคุ้มค่าที่สุด ทั้งการจัดเตรียมเอกสารและกิจกรรม ทางคุณปิญเองก็มีส่วนช่วยเสริมในการสอนทำน้ำหอมแห้ง ในส่วนของผมก็จัดเตรียมเนื้อหาที่น่าสนใจเพิ่มเติมแต่ก็ไม่รู้ว่าจะแน่นเกินไปรึเปล่า ทว่าสุดท้ายทุกคนก็ยิ้มแย้มอยู่กันจนปิดร้าน
___________________________________________________________________________________________
สามดรุณีที่คนสนใจ
เรามักจะคาดไม่ถึงเสมอว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้างในอนาคต ซึ่งดูเหมือนว่าจะมีดาราประจำงานคือน้ำหอมซีรี่ห์สามดรุณีของผม อันที่จริงเป็นงานของลูกค้าที่เคยทำให้ ไม่มีโครงการจะขายเพราะเป็นสิทธิ์ของลูกค้า เราแค่นำมาประกอบให้ดูเยอะเฉยๆ แต่สามพี่น้องก็โดนเปิดดมอยู่ไม่ขาดสาย(แถมยังมีการขอแบ่งแย่งชิงเกิดขึ้น)
ที่มาที่ไปของซีรี่ห์นี้ไม่ได้มีอะไร ลูกค้าที่เป็นผู้ใหญ่ที่เคารพไว้ใจให้เราทำกลิ่นให้ เราก็ใช้ทฤษฏีการออกแบบแปลกๆ ที่เคยได้ยินมาโดยเปรียบงานเป็นคนจริงๆ พอใส่เรื่องราวกับบุคลิกนิดหน่อยก็เกิดเป็นพี่น้องสามสาวในตระกูลสูงศักดิ์ เราตั้งชื่อให้เขาตามเรื่องราวและภาพพจน์ของกลิ่นแต่ถ้าจับสังเกตดีๆ จะเห็นว่าทั้งสามกลิ่นมีแนวทางแก่นเหมือนกัน เหมือนพี่น้องจริงๆ ที่เกิดมามีสายเลือดเดียวกัน
Melisa – พี่สาวคนโตที่เกิดในเดือนเมษายนกลิ่นจึงมีความน่าใช้ในหน้าร้อนซึ่งมีความเย็นแบบไทยๆ ส่วนความหมายก็แปลว่าน้ำผึ้งซึ่งตรงกับโน๊ตหวานๆ ของน้ำผึ้งในเนื้อกลิ่น เรามองว่าเมริษาเป็นคนที่มีอายุชอบเข้าสังคม บางครั้งมีกลิ่นสุราขมๆ ติดตัวแต่ก็ต้องวางมาดแต่งองค์ทรงเครื่องเรียบร้อยตลอด จะว่าร้ายก็ว่าร้ายจะว่าเงียบก็เงียบ จริตมารยาทมีพร้อมตามที่ร่ำเรียนอบรมมาอย่างดีจะลึกลับบ้างเปิดเผยบ้างก็ตามสมควรแต่กาลเทศะ
Arunee – น้องสาวคนกลางเนื้อกลิ่นก็จะดูทอนอายุลงมาหน่อย อรุณีแปลว่า แสงเงินแสงทอง ด้วยความพิสดารของโน๊ตขิงกับดอกไม้ขาวซึ่งเป็นการสอดคล้องที่ไม่ค่อยพบเจอทำให้กลิ่นมีเอกลักษณ์ ความร้อนของขิงเหมือนแสงทองสมชื่อ และความนุ่มของดอกไม้ขาวกับโทนแป้งกลายเป็นม่านหมอกคอยบดบังแสง มันเลยกลายเป็นภาพพจน์ของแสงที่เล็ดลอดมาตามหมอกในยามเช้า อรุณีนั้นมีคาแรคเตอร์ที่แปลกจะว่าแกร่งก็แกร่งในตัวจะว่าอ่อนโยนก็เหมือนเป็นไปเพราะกรอบธรรมเนียมกุลสตรี เหมือนน้องคนกลางที่มักจะเป็นกันคือเอาตัวรอดได้ด้วยความสวยแกร่งพึ่งตัวเอง เรามองว่ามันเป็นความพิลึกพิลั่นแต่ก็ทำให้เขาสวยได้ในแบบที่ใครไม่ต้องมาสั่งสอน
LaLynn – น้องสาวคนเล็ก หญิงสาวที่เป็นที่รัก หญิงสาวผู้นำความสุขมาให้ตระกูล ดูเหมือนน้องสาวจะเป็นที่รักของพ่อกับแม่เป็นพิเศษเสมอ ผู้หญิงที่ยิ้มได้ตลอดเต็มไปด้วยความน่าเชื่อถือน่าฝากใจและน่ามอบความซื่อสัตย์ให้ กลิ่นที่สดใสที่สุดในสามกลิ่น เป็นกลิ่นโทนดอกไม้หลายชนิดผสานผิวเนื้อหนังอ่อนๆ ของหญิงสาวแรกแย้มที่ประพรมเครื่องประทินผิวเพียงเล็กน้อย จะว่านางนั้นเป็นเครื่องหมายของความบริสุทธิ์หรืออิสระก็ว่าได้ทั้งนั้น กลิ่นนี้ดมแล้วให้อารมณ์ร่าเริงชวนยิ้มไม่ซับซ้อน เราไม่ได้หมายมั่นว่าจะทำให้นางออกมาโดดเด่นแต่นางก็สร้างพื้นที่ของตัวเองราวกับว่าเป็นพรสวรรค์ของสาวน้อยที่ทำให้จิตใจของผู้สัมผัสอ่อนโยนไปหมด
ทั้งสามกลิ่นเป็นกลิ่นแบบคลาสสิค มีความเก่าคร่ำครึจึงไม่ได้น่าใช้ในโอกาสทั่วไป แต่เราก็ชอบเพราะเป็นอีกหนึ่งโปรเจคที่สนุกในการทำ
___________________________________________________________________________________________
สรุป
จะว่าเป็นความคึกคะนองส่วนตัวก็ว่าได้ นอกจากที่อยากจะทำแล้วอีกอย่างก็อยากจะรู้ว่าสังคมมองภาพพจน์วงการเป็นอย่างไร เราพบว่าวงการยังมีคนสนใจไม่ได้มากนัก คนยังงงๆ กันอยู่ว่างานศิลปะทางกลิ่นนั้นชื่นชมกันยังไง เรื่องที่น่าดีใจก็มีเกิดขึ้นบ้างเหมือนกัน บางท่านถึงกับจองโรงแรมสองคืนเพื่อมางาน หลายๆ ท่านขับรถมาจากต่างจังหวัดแต่เช้าตรู่ ซึ่งทางเราก็ไม่รู้จะตอบแทนกำลังใจนี้แบบไหนได้ดีที่สุดนอกจากสัญญาว่าจะก้าวเดินต่อไป เราเชื่อว่างานเราจะต้องเติบโตขึ้นทุกครั้ง ดีขึ้นทุกครั้ง มันคือการเรียนรู้เมื่อได้เริ่มลองทำ
ในตอนนี้คิดว่าอยากจะลองลงไปจัดที่กรุงเทพฯ ดูสักครั้งก่อนจะตัดสินใจว่าจะขยายสเกลทำงานใหญ่ตอนสิ้นปีซึ่งก็ยังลังเลอยู่ว่าดีหรือไม่? มันอาจจะไม่ง่ายเพราะต้องขนของหาพื้นที่กันวุ่นวายพอสมควร รวมถึงการวางแผนรองรับที่อาจจะไม่มีทีมช่วยเหลือแบบที่เชียงใหม่ ความเสี่ยงนั้นก็มีแต่เราก็มีความสุขในการทำงานเสมอ ขอขอบคุณในทุกแรงสนับสนุนมันเป็นอะไรที่ดีมากจริงๆ